วันเสาร์ที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2552

ล่องโขงที่ปากเซ


ยินดี ต้อนรับสู่ประเทศลาวกับการเดินทางล่องแม่น้ำแม่โขงทางใต้ บนเรือสำราญ สุดหรูพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบคลัน โดยเรือ วัดภู ริเวอร์ ครูสก์ เริ่มต้นการเดินทางจากเมืองปากเซ และ สิ้นสุดการเดินทางที่เมืองปากเซ เช่นเดียวกัน ตารางการล่องเรือจะพาท่านเข้าเยี่ยมชมสิ่งมหัศจรรย์ของโลกเกี่ยวกับการล่ม สลายของ นครวัตร วัดภู เมืองจำปาสัก สัมผัสความลี้ลับน่าพิศวง Oum Muong ที่ Huei Thamo และท่านจะได้พบเห็นเกาะ่ต่างๆมากมาย แะลน้ำตกคอนพะเพ็งในประเทศลาวท่านจะได้สัมผัสกับดินแดนแห่งประวัติศาสตร์ ของเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ ดินแดนอาณานิคมของประเทศฝรั่งเศสโดยเรือไม้สัก หรูหราและมีห้องพักที่แสนสบาย พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน โดย เรือวัดภูริเวอร์ครูสก์เรือวัดภูริเวอร์ครูสก์ ได้เตรียมสิ่งอำนวยความสะดวกเพียบพร้อม สำหรับท่าน เพื่อความปลอดภัยและ ความเพลิดเพลิน มีห้องแอร์ 12 ห้อง พร้อมห้องน้ำส่วนตัวทุกห้อง มีเตียงนอน 2 เตียง และมีดาดฟ้าเรือเปิดรับอากาศธรรมชาติ และห้องอาหาร และมีเจ้าหน้าที่คอยให้บริการแก่ท่านแม่น้ำโขงเปรียบเหมือนเส้นโลหิตแดงที่สำคัญ ของประเทศลาว เป็นเส้นทางค้าขายแป็นแหล่งอาหาร และน้ำ และที่รวมสำหรับการตั้งถิ่นฐานซึ่งควบคู่กันไปกับเส้นทางการเดินเรือ ซึ่งบางท้องถิ่นกล่าวขานกันว่าเป็นแม่ของแม่น้ำ ทุกคนให้ความเคารพบูชาแม่น้ำ มาเป็นพันๆ ปีมาแล้ว

เราภูมิใจเสนอเรือเราสำราญที่ให้ ความสะดวกสบายครบครัน ตลอดเส้นทางการเดินทางสัมผัสกับธรรมชาติ อีกทั้งยังทำให้้เข้าใจวัฒนะธรรม ตลอดจนเรียนรู้ วิถีชีวิตของชาวบ้าน ริมสองฝั่งแม่น้ำแม่โขง สายน้ำแห่งประวัิติศาตร์ได้ดียิ่งขึ้น

แต่เดิมมาท่าเรือ เรือนี้ทำหน้าที่ขนไม้สักล่องระหว่างเวียดนาม และลาวใต้ ได้ถูกดัดแปลกใ้ห้เป็นเรืิอสำราญที่หรูหรา และเพียบพร้อมด้วยห้องพักสุดเยี่ยม ในปี พ.ศ.2536 ถือเป็นการกำเนิดของเรือ "วัดภู ริิเวอร์ ครูสก์" มีความยาว 34 เมตร และความกว้าง 7.5 เมตร ตัวเรือใช้วัสดุผสมระหว่างเหล็กกล้า และ ไม้สัก ใช้เครื่องยนต์ ดีเซล มีกำลัง 260 แรงม้า และเดินเครื่องด้วยเครื่องยนต์ 2 ตัวในการออกแบบเน้นการออกแบบ แนวเอเซียเน้นความปลอดภัย คุณจะสัมผัสได้ถึงความสบายในขณะที่คุณกำลังเพลินและตระการณ์ตากับประสบการณ์ ใหม่ อยู่บนเรือมีพนักงานบนเรือทั้งหมด 15 คน มีกัปตันผู้มีความชำนาญ 2 คน ช่างเครื่องยนต์ 2 คน พ่อครัว 2 คน พนักงานทำงามสะอาด 3 คน และ พนักงานต้อนรับ 5 คน และไกด์ ที่จะคอยตอบคำถาม และบอกเล่าถึงเรื่องราวเกี่ยวกับสิ่งที่ท่านสนใจ และน่าประทับใจตลอดเส้นทางการเดินทาง โดยใช้ภาษาอังกฤษ และภาษาฝรั่งเศษเรือวัดภูริเวอร์ ครูสก์ เป็นเรือสำราญ 2 ชั้น ชั้นล่างมีห้องพัก 10 ห้อง ห้องครัว และ ห้องรับประทานอาหาร ชั้นบน มี 2 ห้อง มีส่วนเปิดโล่ง เพื่อให้ชมวิว และดื่มด่ำกับบรรยากาศ 2 แห่งด้วยกันคือ ส่วนแรกอยู่ด้านท้ายของเรือ เรือวัดภูริเวอร์ครูสก์ ได้จัดเตรียมอุปกรณ์ที่ได้มาตรฐานสากล และยังคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้โดยสาร เป็นอันอับแรกส่วนเปิดโล่งอีกแห่งบนเรือ วัดภู ริเวอร์ ครูสก์ มีเก้าอี้ โซฟา โต๊ะกาแฟ และล็อคเกอร์สำหรับใส่ของ ในส่วนนี้เป็นส่วนที่เหมาะที่สุดสำหรับพักผ่อนอ่านหนังสือ และี่สามารถชมภาพพระอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้า เป็นความประทับใจที่ไม่อาจจะลืมเลือนเรือ วัดภู ริเวอร์ ครูสก์ มีห้องพักขนาดกว้างขวาง ทุกห้องมีเตียงคู่พร้อมติดแอร์ทุกห้องพร้อมพัดลมระบายอากาศ และห้องน้ำส่วนตัวในสไตล์ตะวันตก พร้อมเครื่องทำน้ำอุ่นทุกห้อง

วันพฤหัสบดีที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2552

การค้นพบเรือโบราณ 2 ลำ

15 มิย. 2552 17:25 น.

การค้นพบเรือโบราณ 2 ลำของชาวลาวนี้ได้รับการเปิดเผยจากท่านดวงสา อินทะพรหัวหน้าการค้าเมืองท่าแขก ได้เชิญคณะผู้สื่อข่าวจังหวัดนครพนม เดินทางข้ามโขงจากฝั่งนครพนมเข้าไปถ่ายภาพ เพื่อโปรโมทเป็นแหล่งท่องเที่ยวชมสิ่งของโบราณในยุคอาณาจักรศรีโคตรบูรณ์ใน ลุ่มลำน้ำโขง
ทั้งนี้พบว่าเรือที่ชาวลาวค้นพบทั้ง 2 ลำ ลำแรกจะเป็นเรือพายขนาดใหญ่ยาวประมาณ 8-9 เมตรกว้าง 2 เมตร เป็นเรือขุดของชาวโบราณใช้ไม้ทั้งลำ ขณะที่ลำที่ 2 มีความยาว 20 เมตร ใช้ไม้ทั้งลำต้นมีสภาพผุพังเพราะผ่านเวลามานานในการจมอยู่ใต้น้ำซึ่งทางวัด ได้นำผ้าหลากสีมาผูกมัดและเครื่องกระทงดอกไม้บูชาให้ชาวบ้านบูชาซึ่งถือว่า เป็นของโบราณศักดิ์สิทธิ์มีแม่ย่านางสิงสถิตย์
ท่านดวงสา กล่าวว่าประมาณ 1 เดือนที่ผ่านมาที่วัดจอมแดง บ้านปากเป่งเมืองท่าแขกแขวงคำม่วน สปป.ลาว ได้มีชาวประมงค้นพบเรือโบราณจำนวน 2 ลำ ที่จมอยู่ใต้ลำน้ำโขงก่อนที่จะทำพิธีช่วยกันน้ำขึ้นแล้วนำมามอบให้กับทางวัด เก็บไว้ให้ประชาชนชาวลาวได้ชมและบูชาหรือให้นักท่องเที่ยวได้ชม
หลวงพ่อจานมหาคำแดง จันทะระวิชัย เล่าว่าเรือ 2 ลำนี้คาดว่ามีอายุกว่า 200 ปีในอยู่อาณาจักรศรีโคตรบูรณ์ เจ้าเมืองที่นี่ตลอดจนประชาชนทั้งสองฝั่งไทยลาวในปัจจุบันใช้เรือในการสัญจร จะสะดวกที่สุด เรือลำแรกเป็นเรือพายขนาดใหญ่ใช้ไม้ทั้งลำขุดผิวเรียบ คาดว่าเป็นเรือผู้สูงศักดิ์ในยุคนั้น ส่วนเรือลำที่ 2 เป็นเรือยาวใช้ไม้ตะเคียน(ไม้แคน) ทั้งสองลำมีอายุกว่า 200 ปี
ก่อนที่จะได้เรือ 2 ลำนี้มาประมาณ 1 เดือนที่ผ่านมาได้นิมิตฝันไปว่ามีงูใหญ่ 2 ตัว มาขออยู่ที่วัด ต่อมาก็มีชาวประมงในลำน้ำโขงได้ไหลมองแล้วติดกับเรือแต่ละลำในเวลาต่างกัน ห่างกันประมาณ 3-4 วัน แต่ชาวประมงและชาวบ้านที่มุดน้ำลงไปดูยังไม่สามารถนำขึ้นมาได้ โดยชาวประมงที่มุดลงไปดูพอนอนกลางคืนฝันไปว่ามีคนแต่งตัวคล้ายลิเกของไทยมา เข้าฝันว่าเรือของกู ถ้าจะเอาขึ้นต้องเอามาไว้ที่วัด ก่อนที่ชาวบ้านจะทำพิธีเอาเรือขึ้นทั้ง 2 ลำขึ้นได้สำเร็จแล้วนำมาเก็บไว้ที่วัดจอมแดงอย่างที่เห็น ซึ่งในแต่ละวันจะมีชาวบ้านมาบูชาและชมเรือโบราณนี้ตลอดเวลา ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ศิลปากรลาวมาตรวจสอบชี้ว่าเรือลำนี้มีอายุ 200 ปี.

วันพุธที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2552

กาแฟดาว


ไร่กาแฟดาวเรืองเป็นไร่ขนาดใหญ่ มีการจัดการที่ดี ต้นกาแฟถูกปลูกเป็นแถวเป็นแนว ระยะห่างระหว่างต้นประมาณ 1.5 เมตร ไม้บังร่มที่เรียก canopy เลือกใช้ต้นขี้เหล็กเกือบทั้งหมด ด้วยเหตุที่มีใบเล็กปล่อยแสงแดดให้กับต้นกาแฟได้อย่างเพียงพอซ้ำใบที่ร่วงลงยังให้สารอาหารที่เป็นประโยชน์อีกด้วยกาแฟในลาวจะสุกก่อนบ้านเราประมาณ 2 เดือน ในช่วงนี้จึงเริ่มมีการทะยอยเก็บเกี่ยวกันแล้วกาแฟในลาวเกือบทั้งหมดปลูกในที่ราบสูงโบโลเวน สูงกว่าระดับน้ำทะเลกว่า 1,000 เมตร อากาศเย็นและชุ่มชื้นเกือบทั้งปี เดินทางสะดวกเพราะเป็นที่ราบไม่เหมือนแหล่งปลูกบ้านเราที่เป็นเขาเป็นดอย ส่วนพันธุ์ที่ปลูกนั้นอราบิก้าเกือบทั้งหมดเป็นสายพันธุ์คาติมอร์ ผมไม่แน่ใจว่าสายไหนแต่สังเกตุว่าจะเป็นคาติมอร์ที่แตกยอดเป็นสีน้ำตาลแดง ผิดกับบ้านเราที่ส่วนใหญ่จะแตกยอดใหม่เป็นสีเขียว

วันเสาร์ที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

วันศุกร์ที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

วันศุกร์ที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

วิวสวยๆที่วังเวียง


ภาพบรรยากาศธรรมชาติที่วังเวียง

วันเสาร์ที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2552


พาหนะยอดนิยม สำหรับนักเดินทางอารมณ์โรแมนติก คงหนีไม่พ้น รถไฟ ที่หลายคนลงความเห็นแล้วว่า สะดวก สบาย ประหยัด และปลอดภัยที่สุด

หลัง จากเปิดให้บริการมาครบ 120 ปี พาผู้คนไปเยี่ยมเยือนสถานที่ต่างๆ มาแล้วทั่วประเทศ ล่าสุดการรถไฟแห่งประเทศไทย ได้เปิดให้บริการรถไฟระหว่างประเทศในเส้นทางที่น่าจะได้รับการตอบรับจากนัก เดินทางเป็นอย่างดี นั่นคือเส้นทางหนองคาย (ไทย) - ท่านาแล้ง (ลาว) ซึ่งเพิ่งผ่านพิธีเปิดมาหมาดๆ ถือเป็นรถไฟที่เชื่อมสัมพันธไมตรีระหว่างประเทศไทยกับเพื่อนบ้านสาธารณรัฐ ประชาธิปไตยประชาชนลาว

ยุทธนา ทัพเจริญ ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย กล่าวว่า โครงการก่อสร้างทางรถไฟเชื่อมต่อระหว่างหนองคาย-ท่านาแล้ง เริ่มก่อสร้างตั้งแต่ปี 2549 เสร็จเรียบร้อยในเดือนเมษายน 2551 และเปิดให้บริการรถไฟสายหนองคาย - ท่านาแล้ง ตั้งแต่วันที่ 5 มีนาคม 2552 โดย สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯ ไปทรงเป็นประธานในพิธีเปิด ซึ่งรถไฟสายดังกล่าวมีระยะทาง 5.3 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 15 นาที

สถานีท่านาแล้ง เป็นสถานีรถไฟแห่งแรกในลาว และเป็นสถานีขนส่งสินค้าที่สำคัญ ตั้งอยู่ที่บ้านดงโพสี เมืองหาดทรายฟอง ห่างจากนครหลวงเวียงจันทน์เพียง 9 กิโลเมตร ซึ่งการเปิดเส้นทางหนองคาย - ท่านาแล้ง นอกจากจะมุ่งเน้นในเรื่องของการส่งเสริมการค้าและการขนส่งแล้ว ยังช่วยให้การเดินทางท่องเที่ยวระหว่างไทย-ลาว เป็นไปได้สะดวกสบายยิ่งขึ้น

"เราเปิดเส้นทางนี้เพื่อเป็นการเชื่อมสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน เป็นการเชื่อมต่อแผ่นดิน ซึ่งอาจจะขยายต่อจากลาวไปเวียดนาม ไปจีน เป็นโครงข่ายระดับอาเซียนที่ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี"

สำหรับผู้ที่จะเดินทางไปท่องเที่ยวในนครหลวงเวียงจันทน์แบบไปเช้าเย็น กลับ ที่สถานีท่านาแล้ง มีรถโดยสารรับ-ส่ง หรือจะเหมารถสองแถวเที่ยวก็น่าสนใจ โดยสถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่ควรพลาดคือ พระธาตุหลวง ศาสนสถานที่สำคัญที่สุดของลาว และเป็นสัญลักษณ์ประจำชาติ ประตูชัย อนุสรณ์สถานเพื่อระลึกถึงประชาชนชาวลาวผู้เสียสละชีวิตในสงครามก่อนหน้าการปฏิวัติของพรรคคอมมิวนิสต์ ตลาดเช้า ร้านจำหน่ายสินค้าพื้นเมือง ผ้าทอลายโบราณ ฯลฯ

ผู้ว่าการ ร.ฟ.ท. กล่าวว่า ในระยะแรกนี้ ร.ฟ.ท.จะเปิดให้บริการประชาชนทั่วไปได้โดยสาร 4 ขบวนต่อวัน คือเที่ยวไป 2 ขบวน (หนองคาย-ท่านาแล้ง) และเที่ยวกลับ 2 ขบวน (ท่านาแล้ง-หนองคาย) เที่ยวไปออกจากสถานีหนองคายเวลา 10.00 น. และ 16.20 น. เที่ยวกลับออกจากสถานีท่านาแล้งเวลา 10.45 น.และ 17.06 น. อัตราค่าโดยสารรถตู้โดยสารชั้น 2 นั่งปรับอากาศ (บนท.ป.) ราคาคนละ 80 บาท หากมีจำนวนผู้เดินทางมาก ร.ฟ.ท.จะเพิ่มรถให้บริการ โดยกำหนดอัตราค่าโดยสารไว้เป็นมาตรฐานแล้วคือ รถโดยสารชั้น 3 คนละ 20 บาท และรถโดยสารชั้น 2 คนละ 30 บาท

ส่วนใครที่สนใจจะเดินทางจากกรุงเทพไปยังสถานีปลายทางท่านาแล้งก็สามารถ ทำได้ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 13 ชั่วโมง สอบถามรายละเอียดได้ที่ Call center 1690 หรือติดต่อนายสถานีทุกแห่ง

อย่างไรก็ตามผู้โดยสารที่จะเดินทางระหว่างประเทศ ต้องผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองตามกฎหมาย ผู้โดยสารต้องแจ้งชื่อให้กับพนักงานจำหน่ายตั๋วโดยสารทุกครั้ง ส่วนการเปลี่ยนแปลงการเดินทาง หรือการคืนเงินค่าโดยสารกรณีที่ไม่สามารถเดินทางได้ ยังคงปฏิบัติเช่นเดียวกับตั๋วโดยสารที่ใช้ในปัจจุบัน

วันพุธที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2552

ข้ามไปลาวที่ท่าลี้



ทริปนี้ข้ามไปเที่ยวลาวที่ด่านท่าลี้(บ้านนากระเซ็ง)นั่งรถสามล้อเครื่องเข้าไปคนละสิบบาทค่าเข้าประเทศอีกคนละสี่สิบบาท....ไปเดินเล่นซื้อของที่ตลาดชายแดนมีสินค้าเช่นกระเป๋า,เหล้าบุหรีเป็นตลาดเล็กๆมีร้านค้าแค่ประมาณ 20 ร้านแต่ก็สนุกดี...วันเสาร์จะมีตลาดนัดให้คนฝั่งลาวมาจับจ่ายใช้สอย